เคล็ดลับการฝึกสุนัข
การฝึกสุนัข
สุนัขเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริบและมีความทรงจำดี สามารถฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ง่าย เช่น หยุด นั่ง คอย ฯลฯ เราจึงควรหัดและฝึกฝนสุนัขที่เลี้ยงไว้ตามสมควร สุนัขที่ผ่านการฝึก จะเป็นสุนัขที่น่ารัก และมีคุณภาพมากขึ้น และสุนัขเองก็จะดูมีความสุขมากขึ้น เนื่องจากมีสัญชาตญาณในการ ที่จะเอาใจใส่และใกล้ชิดเจ้าของอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังทำให้สุนัขสามารถอยู่ร่วมในสังคมมนุษย์ ได้ดีมากขึ้น น่าจะเปรียบได้กับการอบรมขัดเกลาแล้ว ย่อมจะเป็นที่ชื่นชมของผู้อื่น
ก่อนฝึกหัดสุนัข ผู้ฝึกที่จะทำหน้าที่เป็นครูสอนบทเรียนต่างๆ จะต้องมีสำนึก และคุณสมบัติที่สำคัญ คือ
1. จะต้องมีนิสัยรักสุนัข รักที่จะฝึกสุนัข เข้าใจในพฤติกรรมและจิตใจของสุนัขพอสมควร
2. มีความอดทน และเพียรพยายามสูง มีความตั้งใจแน่วแน่ จิตใจเข้มแข็ง ใจเย็ย สุขุม รอบคอบ ควบคุมอารมณได้เมื่อสุนัขไม่สามารถทำได้ดั่งใจนึก
3. ต้องศึกษาหาความรู้เรื่องการฝึกสุนัขให้เข้าใจดี ต้องรู้ว่าจะฝึกสุนัขอย่างไร และให้ทำอะไร หาไม่แล้วจะเกิดความสับสนวุ่นวายทั้งคนและสุนัข เพราะไร้จุดหมายที่แน่นอน
อายุของสุนัขที่จะทำการฝึกนั้น เข้าทำนอง “ ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ” ควรฝึกสุนัข เมื่อสุนัขยังมีอายุน้อยๆ ตั้งแต่เป็นลูกสุนัขอายุ 2 เดือน ขึ้นไป โดยฝึกจากสิ่งง่ายๆ ก่อน เช่น การขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง รู้จักคำสั่งง่ายๆ อาจจะกล่าวได้ว่า การฝึกสุนัขขณะอายุน้อยๆ เป็นการฝึกชั้นอนุบาล เพื่อเป็นการเตรียมตัวไว้ฝึกในชั้นสูงๆ ที่ยากๆ ขึ้นไป
หลักการฝึก
การฝึกสุนัขนั้นเรายึดหลักซึ่งได้มาจากการศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ที่เรียกว่า “ การตอบสนองอย่างมีเงื่อนไข ” ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือคือ “ ทำดีมีรางวัล ทำผิดโดนลงทัณฑ์ ” รวมกับหลักการต่างๆ ดังนี้
1. มีขั้นตอนการฝึกที่แน่นอน จากง่ายๆ ไปหายาก
2. ใช้เวลาฝึกในระยะสั้นๆ ในตอนเริ่มต้น เช่น ไม่ควรเกิน 10 นาที ต่อครั้ง โดยมีการพักช่วงละ 5-10 นาที
3. อย่าทำให้การฝึกเป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับสุนัขในระยะเริ่มต้น อย่าดุหรือลงโทษจนสุนัขกลัวลนลาน และหากทำให้เป็นเรื่องสนุกสำหรับสุนัขได้เป็นการดี
4. การออกคำสั่งให้สุนัขทำตาม ต้องคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงและต้องไม่ทำให้สุนัขสับสน
5 .ให้รางวัลสุนัขทันที และทุกครั้งที่สุนัขปฏิบัติตามคำสั่งได้ถูกต้อง รางวัลที่ให้อาจเป็นตั้งแต่คำชมเช่น “ ดีมาก ” หรือสัมผัส เช่น ใช้มือตบเบาๆ บริเวณลำคอหรือลำตัว
6 .แก้ไขทันทีที่สุนัขทำผิด การแก้ไขคือการลงโทษเป็นการลบล้างพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาของสุนัขออกไป การแก้ไขหรือห้าม ใช้คำพูดออกเสียงดุ นิยมใช้คำว่า “ ไม่ ” ออกเสียงสั้นๆ หนักและดัง ถ้าทำหน้าดุประกอบด้วยก็จะได้ผลมากขึ้นในทางจิตวิทยา เพราะสุนัขมีความสามารถอ่ารหน้าตาท่าทางของเจ้าของได้ดีเท่ากับการอ่าน ระดับเสียง หรืออาจลงโทษโดยการกระตุกสายสูงในกรณีที่ใช้สายจูงสุนัข ห้ามทำโทษสุนัขโดยการทุบตีหรือทำให้สุนัขเจ็บปวดจนเกินเหตุ เพราะสุนัขจะกลัว และเกลียดการฝึก
ขอขอบคุณที่มา...www.thailanddogs.com
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น